เมนู

อรรถกถาเวฬุทวารสูตร



พึงทราบอธิบายในเวฬุทวารสูตรที่ 7.
บทว่า เวฬุทฺวารํ ความว่า ที่ได้ชื่ออย่างนี้ เพราะมีกอไม้ไผ่ที่ลาม
มาแต่ต้นเดิมที่ประตูหมู่บ้าน. บทว่า น้อมเข้าไปในตน ความว่า พึงน้อม
นำเข้าไปในตน. บทว่า จากการกล่าวเพ้อเจ้อ ความว่า จากการพูดเพ้อเจ้อ
อธิบายว่า จากการกล่าวโดยความไม่รู้ซึ่งไม่มีประโยชน์.
จบอรรถกถาเวฬุทวารสูตรที่ 7

8. ปฐมคิญชกาวสถสูตร



ว่าด้วยธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมทาส



[1469] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ที่พักซึ่งก่อด้วยอิฐ ใน
หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุชื่อสาฬหะมรณภาพแล้ว คติ
ของเธอเป็นอย่างไร สัมปรายภพของเธอเป็นอย่างไร ภิกษุณีชื่อนันทามรณ-
ภาพแล้ว ... อุบาสกชื่อสุทัตตะกระทำกาละแล้ว ... อุบาสิกาชื่อสุชาดากระทำ
กาละแล้ว คติของเขาเป็นอย่างไร สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร.

[1470] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ภิกษุชื่อสาฬหะ
มรณภาพแล้ว กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
ภิกษุณีชื่อนันทามรณภาพแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอัน
ไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ 5 สิ้นไป
อุบาสกชื่อว่าสุทัตตะกระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี เพราะสังโยชน์ 3
สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวหนึ่งแล้ว จัก
กระทำที่สุดทุกข์ได้ อุบาสิกาชื่อว่าสุชาดากระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า.
[1471] ดูก่อนอานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพึงการทำ
กาละมิใช่เป็นของน่าอัศจรรย์ ถ้าเมื่อผู้นั้น ๆ กระทำกาละแล้ว เธอทั้งหลายพึง
เข้ามาหาเราแล้วสอบถามเนื้อความนั้น ข้อนี้เป็นความลำบากของตถาคต
เพราะฉะนั้นแหละ เราจักแสดงธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส (แว่นส่องธรรม)
ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามี
นรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เรา
เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้อง
หน้า.
[1472] ดูก่อนอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวก
ประกอบแล้ว... จะตรัสรู้ในเบื้องหน้านั้น เป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัย
นี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า... ใน
พระธรรม... ในพระสงฆ์... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว... เป็น

ไปเพื่อสมาธิ นี้แล คือ ธรรมปริยาย ชื่อว่า ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบ
แล้ว... จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบปฐมคิญชกาวสถสูตรที่ 8

อรรถกถาปฐมคิญชกาวสถสูตร



พึงทราบอธิบายในปฐมคิญชกาวสถสูตรที่ 8.
บทว่า ญาติเก ความว่า หมู่บ้าน 2 ตำบล ของบุตรของจุลลปิติ
และมหาปิติทั้งสองมีอยู่เพราะอาศัยบึงหนึ่ง. บทว่า ญาติเก ได้แก่ ในบ้าน
หนึ่ง บทว่า ที่พักซึ่งก่อด้วยอิฐ ความว่า ที่อยู่ทำด้วยอิฐ. บทว่า ส่วนเบื้อง
ต่ำ ได้แก่ ส่วนเบื้องต่ำที่ให้ถือปฏิสนธิในกามภพนั้นเอง. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อ
ว่า ส่วนเบื้องต่ำ เพราะอรรถว่าพึงละได้ ด้วยมรรค 3 ที่ได้ชื่อว่า อุระ
ดังนี้ บรรดาสังโยชน์เหล่านั้น สังโยชน์สองเหล่านี้คือ กามฉันทะ
พยาบาท ไม่ข่มแล้วด้วยสมาบัติหรือไม่ถอนขึ้นแล้วด้วยมรรค หรือว่าไม่ให้
เพื่อจะถึงรูปภพที่เป็นส่วนเบื้องบน ด้วยอำนาจแห่งการเกิด. สังโยชน์ 3 มี
สักกายทิฏฐิเป็นต้น นำสัตว์ที่เกิดแล้วในรูปภพนั้นมาให้เกิดแม้ในที่นี้อีก
เพราะเหตุนั้น สังโยชน์แม้ทั้งหมด จึงชื่อว่า เป็นส่วนเบื้องต่ำ. บทว่า
มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ความว่า มีการไม่มาเป็นสภาพ ด้วยอำนาจ
ปฏิสนธิ บทว่า เพราะราคะโทสะและโมหะเบาบาง ความว่า พึงทราบ
ความที่ราคะโทสะและโมหะเบาบาง โดยสองอย่างคือ ด้วยการเกิดขึ้นในโลกนี้
คราวเดียว 1 ด้วยการที่ปริยุฏฐานกิเลสเบาบาง1. ก็ราคะเป็นต้น ย่อมไม่เกิดขึ้น
เนือง ๆ แก่พระสกทาคามี เหมือนแก่พวกปุถุชน บางครั้งบางคราวก็เกิดขึ้น